191 จำนวนผู้เข้าชม |
สมาคมเพื่อนชุมชน ก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือของ 5 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในมาบตาพุด จ.ระยอง ได้แก่ กลุ่มปตท. เอสซีจี โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี กลุ่ม บ.ดาวประเทศไทย และจีพีเอสซี ซึ่งเป็นความร่วมมือของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในมาบตาพุดที่รวมตัวกันเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมประสานและพัฒนาสู่อุตสาหกรรมสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นแก้ปัญหาร่วมกัน ถ่ายทอดความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ ดูแลใส่ใจชุมชน ส่งเสริมพัฒนาการศึกษาและการดูแลสุขภาพ จากความร่วมแรง ร่วมมือและร่วมใจของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาที่จริงจังและยั่งยืนต่อชุมชน อุตสาหกรรมและประเทศชาติต่อไป
นายมนชัย รักสุจริต ผู้จัดการสมาคมเพื่อนชุมชน กล่าวว่า จากการลงนามความร่วมมือ (MOU) ร่วมกันระหว่างสมาคมเพื่อนชุมชนกับทุกภาคส่วน โครงการ “บูรณาการจัดการปัญหาคุณภาพแหล่งน้ำสาธารณะ (คลองน้ำหู) พื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” เป็นโครงการที่ต้องจัดทำเร่งด่วนและต่อเนื่อง โดยปีนี้ (พ.ศ. 2566) สมาคมฯ ได้ร่วมกับเทศบาลตำบลทับมา จ.ระยอง จัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการร่วมกับ หัวข้อ “การรณรงค์การใช้ถังดักไขมันในครัวเรือน” ผู้สนใจเข้าร่วมอบรมรวม 60 คน ณ ห้องประชุมโรงเรียนอนุบาลทับมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการจัดการน้ำเสียจากชุมชนก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำสาธารณะ เสริมสร้างจิตสำนึก พร้อมให้ความรู้แก่ ผู้นำชุมชน ประชาชน ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร ในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองน้ำหู ตำบลทับมาและพื้นที่ข้างเคียง ได้รู้และเข้าใจวิธีการบำบัดน้ำเสียในครัวเรือนโดยใช้ถังดักไขมัน ประโยชน์ของถังดักไขมัน การบริหารจัดการถังดักไขมันในชุมชนให้เกิดประสิทธิภาพ บทบาทหน้าที่ของคนในชุมชน การมีส่วนร่วมการจัดการน้ำเสีย และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ช่วยลดปัญหามลพิษทางน้ำ พร้อมกับกิจกรรมการสาธิตการประดิษฐ์และติดตั้งถังดักไขมันอย่างง่าย เป็นต้น
สมาคมฯ ต้องการเห็นทุกครัวเรือนช่วยกันกำจัดคราบไขมัน และเศษอาหารในครัวเรือนก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ซึ่งถ้าสามารถปฏิบัติได้ดังกล่าว จะช่วยลดปัญหามลพิษทางน้ำ ทั้งเป็นการช่วยอนุรักษ์คลองน้ำหู และแหล่งน้ำสาธารณะในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป
กิจกรรมโครงการดังกล่าวข้างต้น เป็นหนึ่งในแผนการบูรณาคลองน้ำหูของสมาคมฯ ที่ได้ดำเนินการขับเคลื่อนติดตามคุณภาพน้ำคลองน้ำหูอย่างต่อเนื่อง เพื่อ “บ้านเราน่าอยู่ สังคมยั่งยืน”